การคูณจำนวนเต็มบวก
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก คือ
การคูณจำนวนนับด้วยจำนวนนับ
ดังตัวอย่าง
2 × 5 = 5 + 5 = 10
3 × 6 = 6 + 6 + 6 = 18
4 × 7 = 7 + 7 + 7 + 7 = 28
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวกข้างต้น
จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าสมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ
สามารถหาผลคูณโดยใช้ความหมายของการคูณและการบวกจำนวนเต็มลบ ดังตัวอย่าง
2 × (-4) = (-4) + (-4) = -8
4 × (-8)
= (-8) + (-8) + (-8) + (-8) = -32
5 × (-10) =
(-10) + (-10) + (-10) + (-10) + (-10) = -50
การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบข้างงต้น
จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
เช่น
7 × (-9) = -63
3 × (-11) = -33
13 × (-2) = -26
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
เนื่องจาก จำนวนเต็มมีสมบัติการสลับที่การสำหรับการคูณ
ดังนั้นในการคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวกจึงหาผลคูณได้โดยใช้สมบัติการสลับที่
เช่น
(-9) × 7
= 7 × (-9)
=
-63
(-15) × 3 =
3 × (-15)
=
-45
(-2) × 13
= 13 × (-2)
= -26
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคูณจำนวนเต็มที่กล่าวว่า การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
เช่น
(-7) × (-5) = 35
(-23) × (-23)
= 529
(-29) × (-3) = 87
หลักเกณฑ์การคูณจำนวนเต็ม มีดังนี้
1. การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก
จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าสมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
2.การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ
จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
3.การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
4. การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
จะได้คำตอบเป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น
หลักการคูณของจำนวนเต็มบวก
ให้ a, b และ c แทนจำนวนเต็มบวกใด ๆ
ให้ a, b และ c แทนจำนวนเต็มบวกใด ๆ
1. สมบัติการสลับที่สำหรับการคูณ
a x b = b x a
เช่น 2 x 5 = 5 x 2
a x b = b x a
เช่น 2 x 5 = 5 x 2
2. สมบัติการเปลี่ยนกลุ่มสำหรับการคูณ
(a x b) x c = a x (b x c)
เช่น (2 x 5 ) x 6 = 2 x ( 5 x 6 )
เช่น (2 x 5 ) x 6 = 2 x ( 5 x 6 )
3. สมบัติการแจกแจง
a x (b + c) = (a x b) + (a x c) เช่น 2 x ( 5 + 6 ) = (2 x 5) + (2 x 6 )
a x (b + c) = (a x b) + (a x c) เช่น 2 x ( 5 + 6 ) = (2 x 5) + (2 x 6 )
(b + c) x a = (b x a) + (c x a) เช่น (5 + 6 ) x 2 = (5 x 2 ) + ( 6 x 2 )
a x ( b - c ) = ( a x b) - (a x c ) เช่น 2 x ( 5 - 3 ) = ( 2 x 5 ) - ( 2 x 3 )
2 x ( 3 - 5 ) = ( 2 x 3 ) - ( 2 x 5 )
2 x ( 3 - 5 ) = ( 2 x 3 ) - ( 2 x 5 )
วีดีโอประกอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น